ตลาดการเงินโลกเปิดเดือนธันวาคม 2025 ด้วยบรรยากาศ Risk-Off อย่างชัดเจน หลังจากดัชนีหุ้นสหรัฐฯ หยุดสถิติ 5 วันบวกติดต่อกัน โดย S&P 500 ลดลง 0.5% ปิดที่ 6,812.63 จุด, Dow Jones ร่วงลงถึง 427 จุด หรือ 0.9% ปิดที่ 47,289.33 จุด และ Nasdaq ลดลง 0.4% ปิดที่ 23,275.92 จุด
สิ่งที่น่าจับตามองที่สุดในขณะนี้คือสัญญาณ “Mild Stagflation Mix” ที่เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น เมื่อข้อมูล ISM Manufacturing PMI ของสหรัฐฯ ประจำเดือนพฤศจิกายนออกมาที่ 48.2 ต่ำกว่าคาดที่ 49.0 นับเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 แต่ที่น่าเป็นห่วงคือดัชนี Prices Paid กลับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 58.5 บ่งชี้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้อยังคงร้อนแรง แม้อุปสงค์จะอ่อนแอลง
ปัจจัยกดดันหลักที่ทำให้ตลาดเข้าสู่โหมดระมัดระวังประกอบด้วย:
- นโยบายการเงินสวนทาง (Policy Divergence)
การประชุม FOMC ในวันที่ 9-10 ธันวาคม กำลังเป็นจุดโฟกัสสำคัญ โดยตลาดคาดการณ์โอกาส 87-96% ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 basis points หลังจาก J.P. Morgan และ Bank of America ต่างปรับคาดการณ์มาคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม มุมมองต่อปี 2026 ยังคงไม่แน่นอน โดยนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าอาจเป็น “Hawkish Cut” ที่มาพร้อมสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ยในอนาคต
ในทางตรงกันข้าม Bank of Japan (BOJ) ส่งสัญญาณชัดเจนว่าอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 18-19 ธันวาคม โดย Governor Kazuo Ueda กล่าวว่าจะ “พิจารณาข้อดีข้อเสียของการขึ้นดอกเบี้ย” ทำให้ตลาดประเมินโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 76-80% หากเกิดขึ้นจริง จะเป็นการปรับขึ้นจาก 0.5% เป็น 0.75% สถานการณ์นี้กระตุ้นความกังวลเรื่อง Yen Carry Trade Unwinding ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
- ความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐฯ
ประธานาธิบดี Trump ประกาศว่าได้เลือกผู้ที่จะมาแทน Fed Chair Jerome Powell แล้ว แม้ยังไม่เปิดเผยชื่อ โดยตลาดคาดการณ์ว่าอาจเป็น Kevin Hassett ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาว เรื่องนี้สร้างความไม่แน่นอนเพิ่มเติมให้กับตลาด ขณะที่สงครามการค้ากับจีนยังคงเป็นปัจจัยเบื้องหลัง โดยสหรัฐฯ ยังคงเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนที่ระดับ 30% และจีนเก็บที่ 10%
ผลกระทบต่อตลาด
📊 Forex
- ดอลลาร์สหรัฐ (DXY): อ่อนค่าลงมาที่ 99.17-99.34 ต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ลดลงประมาณ 0.7% ในรอบเดือน และลดลง 6.8% ในรอบ 12 เดือน จากความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของ Fed
- EUR/USD: ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 1.1615-1.1622 ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นระยะสั้น โดย MUFG คาดการณ์ EUR/USD ปลายปี 2026 ที่ 1.2400
- USD/JPY: เงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดย USD/JPY ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 155.50 หลังสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่น 2 ปีพุ่งแตะ 1.01% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008
- แนวโน้ม: นโยบายสวนทางระหว่าง Fed (ลดดอกเบี้ย) และ BOJ (ขึ้นดอกเบี้ย) จะสร้างความผันผวนสูงในตลาด Forex โดยเฉพาะคู่เงินที่เกี่ยวข้องกับ JPY
🥇 XAUUSD (ทองคำ)
- ราคาปัจจุบัน: $4,226-4,230 ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้นประมาณ 0.3% จากวันก่อน
- ผลตอบแทน YoY: +60.09% นับเป็นผลตอบแทนที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 1979
- ปัจจัยหนุน:
- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า
- ความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของ Fed
- ความไม่แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงผู้นำ Fed
- กระแส Risk-off ที่หลั่งไหลออกจาก Crypto มาสู่ทองคำ
- ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงซื้อทองคำต่อเนื่อง (634 ตัน ใน Q3 เพิ่มขึ้น 28%)
- แนวรับ-แนวต้าน: แนวรับสำคัญที่ $4,114 และแนวต้านที่ $4,381 (ATH เดือนตุลาคม)
- แนวโน้ม: Bullish ระยะกลาง-ยาว โดยนักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs และ J.P. Morgan คาดการณ์ราคาอาจแตะ $5,055 ภายในสิ้นปี 2026
📈 US Indices (ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ)
- S&P 500: 6,812.63 จุด (-0.5%) หยุดสถิติ 5 วันบวกติดต่อกัน
- Dow Jones: 47,289.33 จุด (-0.9% หรือ -427 จุด)
- Nasdaq: 23,275.92 จุด (-0.4%)
- ปัจจัยกดดัน:
- ข้อมูล ISM Manufacturing PMI อ่อนแอกว่าคาด
- สัญญาณ Stagflation (เศรษฐกิจชะลอ + เงินเฟ้อสูง)
- ความกังวล Yen Carry Trade Unwinding
- หุ้นกลุ่ม Crypto-linked ร่วงหนัก (MicroStrategy, Coinbase ลดลง 4-8%)
- แนวโน้ม: ความผันผวนสูงต่อเนื่องก่อนการประชุม FOMC โดยหุ้นกลุ่ม Tech และ Growth จะยังคงอ่อนไหวต่อทิศทางนโยบายดอกเบี้ย
🛢️ US Oil (น้ำมันดิบ WTI)
- ราคาปัจจุบัน: WTI $59.46 ต่อบาร์เรล (-0.08%), Brent $63.21
- ผลตอบแทน YoY: -14.98%
- ปัจจัยสำคัญ:
- OPEC+ ยืนยันแผนหยุดเพิ่มกำลังการผลิตในไตรมาส 1/2026
- กลุ่ม 8 ประเทศ ยังคงรักษาการลดกำลังการผลิตรวมประมาณ 3.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- ความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะจีน (Manufacturing PMI 49.9 บ่งชี้การหดตัว)
- แนวรับ-แนวต้าน: แนวรับที่ $57.02 แนวต้านที่ $60.98
- แนวโน้ม: Sideways to Bearish ในระยะสั้น โดย EIA คาดการณ์ราคา Brent จะลดลงเฉลี่ย $55/บาร์เรลในปี 2026
₿ Cryptocurrencies
- Bitcoin: $85,000-86,000 (-5-7% ในวันเดียว) ลดลง 32% จากจุดสูงสุดรอบที่ประมาณ $125,000-126,200 ในเดือนตุลาคม
- Ethereum: $2,750-2,800 (-7%)
- Crypto Fear & Greed Index: ใกล้ระดับ 20 (Extreme Fear)
- ปัจจัยกดดัน:
- Risk-off sentiment ที่รุนแรงขึ้นจากความกังวลเรื่อง Yen Carry Trade
- Market depth ลดลงจาก $766.4 ล้านเหลือ $568.7 ล้าน
- Liquidation ขนาดใหญ่ มากกว่า $637 ล้านใน Long positions
- ความกังวลเรื่อง MicroStrategy (Strategy) ที่อาจต้องขาย Bitcoin หาก mNAV ลดต่ำกว่า 1.0
- แนวโน้ม: Bearish ระยะสั้น จนกว่าความกังวลเรื่อง BOJ และ Fed จะคลี่คลาย
ตลาด CFD เริ่มต้นเดือนธันวาคมท่ามกลางปัจจัยพื้นฐานที่ซับซ้อน โดยมี 3 ธีมหลักที่นักเทรดควรติดตามอย่างใกล้ชิด:
- นโยบายการเงินสวนทาง: Fed กำลังจะลดดอกเบี้ย ขณะที่ BOJ กำลังจะขึ้นดอกเบี้ย สร้างความผันผวนให้กับ Forex และ Carry Trade
- สัญญาณ Stagflation: ข้อมูล PMI จากทั้งสหรัฐฯ จีน และยุโรป ล้วนบ่งชี้การชะลอตัว แต่เงินเฟ้อยังคงอยู่เหนือเป้าหมาย สร้างความท้าทายให้ธนาคารกลาง
- Risk-off vs Safe Haven: เงินทุนไหลออกจาก Crypto และหุ้นเทคโนโลยีบางตัว มาสู่ทองคำและสินทรัพย์ปลอดภัย
ปฏิทินเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
- สัปดาห์นี้: PCE เดือนกันยายน (ล่าช้า) – ความสำคัญสูงมาก
- 3 ธ.ค.: ADP Employment Report – ความสำคัญสูง
- 6 ธ.ค.: Non-Farm Payrolls – ความสำคัญสูงมาก
- 9-10 ธ.ค.: การประชุม FOMC – ความสำคัญสูงมาก
- 18-19 ธ.ค.: การประชุม BOJ – ความสำคัญสูงมาก
ความผันผวนคาดว่าจะยังคงสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงก่อนและหลังการประชุม FOMC และ BOJ ในเดือนนี้ นักเทรดควรบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม และติดตามข้อมูลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
ข้อมูล ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2025
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลและการศึกษาเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การซื้อขาย CFD มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน