สรุปภาวะตลาด CFD ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัปดาห์ที่ 20-26 ตุลาคม 2025 ปิดท้ายด้วยแรงซื้ออย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ตัวทำ จุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลพร้อมกันซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2025 โดย Dow Jones พุ่งทะลุระดับ 47,000 จุดเป็นประวัติการณ์ที่ 47,125 (+2.35%), S&P 500ปิดที่ 6,485 (+1.98%), และ NASDAQ แข็งแกร่งที่สุดที่ 20,456 (+2.25%) จากแรงหนุนหลักคือ (1) ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด – CPI ออกมาที่ 3.0% ต่ำกว่าคาดการณ์ 3.1% และ Core CPI ลดลงมาที่ 3.0% จาก 3.1% ในเดือนก่อนหน้า ทำให้ตลาดมั่นใจถึง 98.3% ว่า Fed จะลดดอกเบี้ยอีก 0.25% และ (2) ผลประกอบการของบริษัทที่ออกมาแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่ม Tech และ Financial
ในตลาด Forex เห็นการเคลื่อนไหวค่อนข้างสงบ โดย USD แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยตามความคาดหวังการลดดอกเบี้ยที่ชัดเจน ขณะที่ JPY อ่อนค่าต่อเนื่อง ท่ามกลางความคาดหวังว่า BoJ จะคงดอกเบี้ยที่ 0.5% แม้จะมีแรงกดดันให้ขึ้นดอกเบี้ย ทองคำปรับฐานลงมาอยู่ที่ $4,111.96 (-2.89%) หลังทำจุดสูงสุดที่ $4,347.83 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม จากแรงกดดันของความเชื่อมั่นที่กลับมาในตลาดหุ้นและดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ส่วนน้ำมันดิบ ฟื้นตัวเล็กน้อยด้วย WTI ที่ $68.45 (+1.20%) และ Brent $72.10 (+0.95%) หลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรัสเซียรายใหญ่
ตลาดคริปโตยังคงแข็งแกร่ง โดย Bitcoin ทะยานขึ้นมาที่ $118,450 (+3.45%) ฟื้นตัวจากการปรับฐานหลังทำจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 126,000 ดอลลาร์ในต้นเดือน พร้อมกับ Ethereum ที่ $5,240 (+2.80%) โดยได้แรงหนุนจากการไหลเข้าของสถาบันและ Bitcoin ETF ที่ยังคงแข็งแกร่ง
🔥 ปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ (27 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2025) ถือเป็นสัปดาห์ที่สำคัญที่สุดของเดือนตุลาคม เนื่องจากมีเหตุการณ์สำคัญ 3 เรื่องใหญ่ที่จะกำหนดทิศทางตลาดในไตรมาสสุดท้ายของปี
1️⃣ การประชุม FOMC และการตัดสินใจดอกเบี้ย
📅 วันที่: 28-29 ตุลาคม 2025 (เวลาประกาศ: 01:00 น. วันที่ 30 ต.ค. ตามเวลาไทย)
Fed จะประชุม FOMC และคาดว่าจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% มาอยู่ในช่วง 3.75%-4.00% ด้วยความมั่นใจจากตลาดถึง 98.3% ตามข้อมูล CME FedWatch การลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะทำให้อัตราอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2022 โดยตลาดคาดว่า Fed จะลดอีก 1 ครั้งในเดือนธันวาคม และอาจต่อเนื่องไปอีก 2-3 ครั้งในปี 2026
จุดที่ต้องจับตา:
- คำแถลงนโยบาย (Policy Statement) ที่จะเผยแพร่เวลา 14:00 ET (01:00 น. เวลาไทย วันถัดไป) โดยไม่มีการแถลงข่าวหรือ Economic Projections เนื่องจากเป็นการประชุมแบบ standard meeting
- แนวโน้มการลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมและปี 2026
- การประเมินความเสี่ยงด้านตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง
- ความเป็นไปได้ในการสิ้นสุด Quantitative Tightening (QT) ซึ่งหลายธนาคารคาดว่าอาจประกาศในการประชุมนี้หรือเดือนธันวาคม
- การมีคะแนนเสียงคัดค้าน (Dissent) จาก Fed Governor Stephen Miran ที่สนับสนุนการลดดอกเบี้ย 0.50% แทนที่จะเป็น 0.25%
ผลกระทบ:
หากผลออกมาตามคาด ตลาดหุ้นและคริปโตจะได้แรงหนุน ขณะที่ทองคำและ USD อาจเผชิญแรงเทขาย แต่หากคำแถลงมีน้ำเสียง Hawkish หรือเตือนถึงความเสี่ยงเงินเฟ้อ อาจทำให้ตลาดผันผวน
2️⃣ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ)
📅 วันที่: 29-30 ตุลาคม 2025 (เวลาประกาศ: ประมาณ 11:00-13:00 น. เวลาไทย)
ธนาคารกลางญี่ปุ่นคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ต่อไป แม้ว่าสมาชิกบางคนในคณะกรรมการจะเสนอให้ขึ้นเป็น 0.75% แต่ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก ผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และความผันผวนในตลาดแลกเปลี่ยนทำให้ BoJ ยังคงระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า BoJ อาจขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026 หากเงินเฟ้อและค่าจ้างยังคงเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย
ผลกระทบ:
หาก BoJ คงดอกเบี้ยตามคาด คู่เงิน USD/JPY อาจทดสอบแนวต้านที่ 155-156 ต่อไป ส่วนดัชนี Nikkei 225 อาจได้แรงหนุนจากเงินเยนที่อ่อนค่า
3️⃣ ผลประกอบการ Magnificent 7
📅 กำหนดการ (เวลาประกาศหลังตลาดปิดสหรัฐฯ – ประมาณ 03:00-05:00 น. เวลาไทยของวันถัดไป):
- วันอังคารที่ 29 ตุลาคม: Alphabet (Google)
- วันพุธที่ 30 ตุลาคม: Microsoft และ Meta Platforms
- วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม: Apple และ Amazon
- 20 พฤศจิกายน: Nvidia
บริษัทกลุ่ม Big Tech ทั้ง 5 รายนี้คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1 ใน 4 ของ S&P 500 และคาดว่าจะมีการเติบโตของกำไรโดยเฉลี่ย 19% แต่นี่เป็นอัตราการเติบโตที่ช้าที่สุดใน 6 ไตรมาส สะท้อนถึงการชะลอตัว
จุดที่ต้องจับตา:
- การลงทุนด้าน AI Infrastructure ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยกลุ่ม Big Tech คาดว่าจะลงทุนรวมกว่า 56 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้น 52% จากปีก่อน
- ผลตอบแทนจาก AI (ROI) ที่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่าจะเห็นผลเมื่อไร โดยเฉพาะ Microsoft และ Meta ที่ลงทุนหนักที่สุด
- Cloud Business Growth – Azure (Microsoft), AWS (Amazon), และ Google Cloud ที่คาดการเติบโต 29-38%
- ความกังวลเรื่อง AI Bubble ที่เริ่มปรากฏในตลาดหลังจาก Valuation ของกลุ่ม Tech พุ่งสูงมาก
- Apple iPhone 17 ที่มียอดขายดีกว่า iPhone 16 ถึง 10% ช่วยหนุนหุ้น AAPL ขึ้นใกล้จุดสูงสุดตลอดกาล
- Regulatory Risk โดยเฉพาะ Alphabet ที่ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สอบสวนเรื่องการผูกขาด
ผลกระทบ:
หากผลประกอบการออกมาต่ำกว่าคาดหรือคำแนะนำ (Guidance) ไม่แข็งแกร่ง จะกระทบต่อตลาดหุ้นทั้งระบบ โดยเฉพาะ NASDAQ ที่มีน้ำหนักของกลุ่ม Tech สูง ในทางกลับกัน หากผลออกมาดี อาจเป็นตัวขับเคลื่อนให้ตลาดวิ่งต่อในไตรมาส 4
📊 ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ (GMT+7)
นอกจากเหตุการณ์ใหญ่ 3 เรื่องข้างต้น ยังมีข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องจับตา:
🇺🇸 สหรัฐอเมริกา
- วันอังคาร 28 ตุลาคม (23:00 น.): Consumer Confidence Index – ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่จะบ่งบอกแนวโน้มการใช้จ่าย
- วันพุธ 29 ตุลาคม (21:00 น.): ADP Employment Report – รายงานการจ้างงานภาคเอกชนที่จะให้ภาพความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน
- วันพฤหัสบดี 30 ตุลาคม (19:30 น.): GDP Preliminary (Q3) – ข้อมูล GDP เบื้องต้นของไตรมาส 3 ที่จะยืนยันการเติบโตทางเศรษฐกิจ
- วันศุกร์ 31 ตุลาคม (19:30 น.): Core PCE Price Index – ตัวชี้วัดเงินเฟ้อหลักที่ Fed ใช้ในการกำหนดนโยบาย
🇦🇺 ออสเตรเลีย
- วันพุธ 29 ตุลาคม (09:30 น.): CPI (Q3) – อัตราเงินเฟ้อที่จะมีผลต่อการตัดสินใจดอกเบี้ยของ RBA ในเดือนธันวาคม
🇪🇺 ยูโรโซน
- วันพฤหัสบดี 30 ตุลาคม: Flash CPI และ GDP Preliminary (Q3) – ข้อมูลเงินเฟ้อและ GDP เบื้องต้นที่จะส่งผลต่อนโยบายของ ECB
🇩🇪 เยอรมนี
- วันพฤหัสบดี 30 ตุลาคม: CPI Preliminary – อัตราเงินเฟ้อที่จะส่งสัญญาณถึงแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรป
🇨🇦 แคนาดา
- วันพุธ 29 ตุลาคม (21:00 น.): BoC Interest Rate Decision – การตัดสินใจดอกเบี้ยของธนาคารกลางแคนาดา
🇨🇳 จีน
- วันพฤหัสบดี 30 ตุลาคม (10:00 น.): Manufacturing PMI – ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตที่จะบ่งบอกสุขภาพเศรษฐกิจจีน
⚠️ หมายเหตุสำคัญ: รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงปิดทำการเข้าสัปดาห์ที่ 4 ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจบางตัวอาจเผยแพร่ล่าช้าหรือไม่ครบถ้วน นักลงทุนควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
💼 กลยุทธ์การเทรดสำหรับสัปดาห์นี้
✅ โอกาสทองในตลาด
- Long US Indices หลัง FOMC หาก Fed ลดดอกเบี้ยตามคาดและคำแถลงมีน้ำเสียง Dovish
- Trade USD/JPY ทางขึ้น จากความแตกต่างนโยบายการเงินระหว่าง Fed และ BoJ
- Long Tech Stocks หากผลประกอบการ Big Tech ออกมาดีกว่าคาด
- Gold Short-term Trading เฝ้าระวังการปรับฐานต่อในช่วง 4,000-4,050 ก่อนกลับตัว
⚠️ ความเสี่ยงที่ต้องระวัง
- Volatility สูง จากการประกาศผลประกอบการและนโยบายการเงิน
- Disappointing Earnings จาก Big Tech อาจกระทบตลาดหุ้นทั้งระบบ
- Hawkish Fed Statement อาจทำให้ตลาดปรับตัวลงทันที
- การขาดข้อมูลเศรษฐกิจ จากการปิดรัฐบาลสหรัฐฯ สร้างความไม่แน่นอน
🎯 แนะนำสำหรับเทรดเดอร์ Taurex
- ใช้ Stop Loss และ Take Profit ที่เหมาะสมเนื่องจากความผันผวนสูง
- ติดตามข่าวสารแบบ Real-time ผ่าน Taurex App และแพลตฟอร์ม
- บริหารความเสี่ยง อย่างรัดกุม โดยเฉพาะในช่วงประกาศข่าวสำคัญ
- ใช้ประโยชน์จาก Copy Trading หากต้องการลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจเอง
📌 สรุป
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ทุกคน เนื่องจากมีเหตุการณ์สำคัญที่จะกำหนดทิศทางตลาดในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 การลดดอกเบี้ยของ Fed ที่เกือบแน่นอน ผนวกกับผลประกอบการของ Big Tech จะเป็นตัวชี้วัดว่าตลาดจะสามารถทำจุดสูงใหม่ต่อไปได้หรือไม่ หรือจะเข้าสู่ช่วงพักตัว
Taurex พร้อมสนับสนุนเทรดเดอร์ทุกท่านด้วยแพลตฟอร์มที่ทันสมัย สเปรดต่ำ และทีมซัพพอร์ตภาษาไทยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมด้วยประกันเงินฝากสูงสุด 1 ล้านดอลลาร์ต่อบัญชี เพื่อให้คุณเทรดได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
คำเตือน: การลงทุนและเทรดมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจผลิตภัณฑ์ให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นการรับประกันผลตอบแทนในอนาคต