ทองคำปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 4,110-4,140 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในวันศุกร์ที่ผ่านมา กำลังจะสิ้นสุดแนวโน้มขึ้นที่ยาวนานถึง 9 สัปดาห์ติดต่อกัน ภายใต้แรงกดดันจากการขายทำกำไรอย่างหนักหลังจากที่แตะระดับสูงสุดใหม่ในหลายเซสชั่นที่ผ่านมา โดยโลหะมีค่าดังกล่าวร่วงลงมากกว่า 5% ในช่วงต้นสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบ 5 ปี การปรับฐานครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการถอนเงินออกจากกองทุน ETF ที่หนุนด้วยทองคำอย่างมีนัยสำคัญ โดยเป็นการลดลงของการถือครองรายวันที่มากที่สุดในรอบ 5 เดือน อย่างไรก็ตาม ทองคำยังคงแข็งแกร่งขึ้นประมาณ 55% เมื่อเทียบกับต้นปี ได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดทางการค้าที่ยังคงดำเนินต่อไป โดยตลาดกำลังจับตามองการเจรจาการค้าระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในสัปดาห์หน้า ในขณะที่ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงทวีความรุนแรงหลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซีย โดยมุ่งหวังให้มอสโกหยุดยิงในยูเครน นอกจากนี้ ความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปียังคงสนับสนุนราคาทองคำ ขณะที่นักลงทุนกำลังมุ่งความสนใจไปที่รายงาน CPI ในวันนี้ ซึ่งอาจมีอิทธิพลต่อทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต
การวิเคราะห์กราฟ Multi Time Frame
การวิเคราะห์ทางเทคนิคอลจากหลายกรอบเวลาแสดงให้เห็นถึงการอ่อนแอของโมเมนตัมในระยะสั้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
- M5 และ M15 (5-15 นาที): ราคาปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4,113-4,114 โดยดัชนี RSI ปรับตัวลงสู่โซน oversold ที่ระดับ 37-40 ขณะที่ Stochastic อยู่ในโซน oversold อย่างชัดเจนโดย %K อยู่ที่ 12-37 และ %D อยู่ที่ 23-38 ส่วน MACD แสดง divergence ติดลบอย่างแข็งแกร่งที่ -3.88/-2.98 และ -2.61/-1.24 ตามลำดับ สะท้อนแรงขายที่รุนแรงในกรอบเวลาสั้น
- M30 และ H1 (30 นาทีและ 1 ชั่วโมง): โมเมนตัมเริ่มฟื้นตัวเล็กน้อยแต่ยังคงอยู่ในเขต neutral-bearish โดย RSI อยู่ที่ 40-44 ซึ่งใกล้กับเขต oversold ส่วน Stochastic ของ M30 อยู่ที่ %K 48.67 และ %D 58.55 ขณะที่ H1 แสดงสัญญาณ oversold ชัดเจนที่ %K 31.33 และ %D 38.61 ในขณะที่ MACD ของ M30 กำลังจะ cross ลงที่ -0.65/1.49 แต่ H1 ยังคงเป็นบวกที่ 3.88/5.72 แม้จะกำลังอ่อนตัว
- H4 และ D1 (4 ชั่วโมงและรายวัน): กรอบเวลาระยะกลาง-ยาวแสดงภาพรวมที่ผสมผสาน โดย H4 มี RSI ที่ 44.01 ซึ่งอยู่ในเขต neutral-bearish ส่วน Stochastic อยู่ที่ %K 77.01 และ %D 69.38 ซึ่งเริ่มมีสัญญาณ reversal จากโซน overbought ในขณะที่ MACD ยังติดลบที่ -27.35/-30.25 แต่เริ่มมี bullish divergence สำหรับกรอบเวลารายวัน RSI อยู่ที่ 53.37 ซึ่งเป็น neutral พอสมควร แต่ Stochastic เกิด bearish crossover ที่ %K 46.56 และ %D 68.09 ส่วน MACD แม้จะยังเป็นบวกที่ 122.54/138.43 แต่กำลังอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับการขึ้น 55-57% ในปีนี้และการปรับฐานปัจจุบัน
แนวรับและแนวต้าน
จากการวิเคราะห์กราฟในหลากหลายกรอบเวลาและคำนวณระดับราคาที่สำคัญ สามารถสรุปแนวรับและแนวต้านที่เหมาะสมได้ดังนี้
แนวรับที่สำคัญ (Support Levels):
- แนวรับที่ 1: 4,100-4,106 ระดับแนวรับแรกที่แข็งแกร่ง ซึ่งได้รับการทดสอบหลายครั้งในกรอบเวลา M15 ถึง H1 และยังคงรักษาระดับได้ดี โซนนี้เป็นแนวรับเชิงจิตวิทยาและมีแรงซื้อเข้ามารองรับอย่างต่อเนื่อง
- แนวรับที่ 2: 4,075-4,085 แนวรับสำคัญระดับ major support ที่ปรากฏในกรอบเวลา H4 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของการปรับตัวลงครั้งใหญ่ในต้นสัปดาห์ หากทะลุลงมาต่ำกว่าระดับนี้ อาจเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาลงที่รุนแรงยิ่งขึ้น
- แนวรับที่ 3: 4,050-4,060 ระดับจิตวิทยาสำคัญที่เป็นแนวรับสำรองและมีความสำคัญในเชิงเทคนิคอล หากราคาปรับตัวลงมาแตะบริเวณนี้ อาจเกิดแรงซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นได้
แนวต้านที่สำคัญ (Resistance Levels):
- แนวต้านที่ 1: 4,140-4,150 แนวต้านเร่งด่วนที่ปรากฏชัดเจนในกรอบเวลาระยะสั้น M30 และ H1 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดล่าสุดก่อนการปรับฐาน การทะลุขึ้นไปเหนือระดับนี้อาจเป็นสัญญาณการฟื้นตัวของโมเมนตัมขาขึ้น
- แนวต้านที่ 2: 4,200-4,210 แนวต้านระยะกลางที่มีนัยสำคัญจากกรอบเวลา H4 และ D1 ซึ่งเคยเป็นโซนแนวรับที่แข็งแกร่งก่อนการร่วงลงในต้นสัปดาห์ การทะลุระดับนี้จะเป็นการยืนยันการกลับตัวของแนวโน้ม
- แนวต้านที่ 3: 4,250-4,275 แนวต้านแข็งแกร่งระดับ major resistance ที่ปรากฏในกรอบเวลารายวัน ซึ่งเป็นโซนราคาที่มีการซื้อขายหนาแน่นก่อนหน้านี้ และเป็นด่านสำคัญที่ต้องทะลุเพื่อมุ่งหน้าสู่ระดับสูงสุดเดิม
โซนแนวรับแนวต้านสำคัญ (Key Support and Resistance Zones):
- Support Zone: 4,075-4,110 เป็นกลุ่มแนวรับที่วิกฤตและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาโครงสร้างขาขึ้นระยะกลาง-ยาว การทะลุลงต่ำกว่าโซนนี้อาจนำไปสู่การปรับฐานที่ลึกขึ้นไปยังระดับ 4,000 หรือต่ำกว่า
- Resistance Zone: 4,140-4,160 เป็นกำแพงแนวต้านเร่งด่วนที่ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด การทะลุขึ้นไปเหนือโซนนี้ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นจะเป็นสัญญาณบวกต่อการฟื้นตัวของแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น
หมายเหตุ: บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเชิงวิเคราะห์เท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการซื้อขาย นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและประเมินความเสี่ยงด้วยตนเองก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง