ที่ตั้งและภาษา

Zenfinex Global Limited ได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงานบริหารงานการเงิน(FSA) ของเซเชลส์ (SD092)

ทองคำทะลุ $4,000 อีกครั้ง! เฟดลดดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ท่ามกลางรัฐบาลสหรัฐปิดสัปดาห์ที่ 6 – Bitcoin ดิ่งต่ำกว่า $100K หุ้นสหรัฐทำนิวไฮ น้ำมันฟื้นตัว รอลุ้น CPI สัปดาห์นี้กำหนดทิศทาง

ภาวะตลาด CFD สัปดาห์ที่ผ่านมา (3-9 พฤศจิกายน 2025)

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดการเงินโลกเผชิญกับความผันผวนจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักและปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ โดยสินทรัพย์ต่างๆ มีการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจดังนี้:

ตลาดทองคำ (XAUUSD)

  • ทองคำทะลุระดับ $4,000/ออนซ์ เป็นครั้งแรก ปิดสัปดาห์ที่ระดับ $4,000-4,027 (+0.60% จากสัปดาห์ก่อน)
  • แรงซื้อจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ท่ามกลางการปิดรัฐบาลสหรัฐฯ สัปดาห์ที่ 6
  • ความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธันวาคม (โอกาส 67%) หนุนราคาทอง
  • ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงซื้อทองคำสำรองเพิ่ม โดยเฉพาะจีน รัสเซีย และ Kazakhstan
  • ระดับแนวต้าน: $4,114, $4,230, $4,380 | ระดับแนวรับ: $3,951, $3,886, $3,820

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

  • S&P 500: ปิดที่ 6,728.80 (+0.13%) แข็งแกร่ง +13.4% เมื่อเทียบรายปี
  • Dow Jones: ปิดที่ 46,987.10 (+0.16%) ทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
  • Nasdaq 100: ผันผวนจากความกังวลเรื่องมูลค่าหุ้นเทคโนโลยี แต่ยังคงแนวโน้มขาขึ้น
  • VIX Index: ลดลงสู่ 19.08 (-2.15%) สะท้อนความเชื่อมั่นที่กลับมา
  • แรงหนุนจากผลประกอบการบริษัทที่แข็งแกร่งและความหวังการลดดอกเบี้ยของเฟด

ตลาด Forex

  • EUR/USD: แข็งค่าขึ้นมาที่ 1.1569 (+0.18%) รับแรงหนุนจาก USD อ่อนค่า
  • GBP/USD: ปรับขึ้นสู่ 1.3159 (+0.20%) ก่อน BoE ตัดสินใจคงดอกเบี้ยด้วยคะแนนเสียงใกล้เคียง 5-4
  • USD/JPY: แข็งค่าขึ้นมาที่ 153.425 (+0.24%) ตามแนวโน้มเงินเยนอ่อนค่า
  • AUD/USD: ฟื้นตัวเล็กน้อยมาที่ 0.6492 (+0.20%) หลัง RBA คงดอกเบี้ย 3.60%
  • USD/CAD: อ่อนค่าลงมาที่ 1.4050 จากราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว
  • DXY (ดัชนีดอลลาร์): อ่อนค่าลงสู่ 99.55 (-0.18%) จากนโยบายผ่อนคลายของเฟด

ตลาดน้ำมันดิบ

  • WTI Crude: ฟื้นตัวมาที่ $59.75/บาร์เรล (+0.54%) หลังลดลงต่อเนื่อง 4 สัปดาห์
  • Brent Crude: ปิดที่ $63.63/บาร์เรล (+0.39%)
  • แรงกดดันจากความกังวลอุปทานล้นตลาดและอุปสงค์จีนที่ชзамедลง
  • OPEC+ ระงับแผนเพิ่มการผลิตในไตรมาสแรกปี 2026
  • ระดับแนวต้าน: $65.46, $67.47 | ระดับแนวรับ: $55.16, $52.61

ตลาดคริปโตเคอเรนซี

  • Bitcoin: ผันผวนรอบระดับ $101,500-102,500 หลังร่วงต่ำกว่า $100,000 เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
  • การขายทำกำไรจากนักลงทุนระยะยาว (Long-term Holders) สร้างแรงกดดัน
  • ปัจจัย “Red October” (ตุลาคมติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี) สร้างความกังวล
  • Ethereum: ซื้อขายรอบ $3,390-3,430 รอปัจจัยบวกจาก Ethereum 2.0 upgrade
  • แนวรับสำคัญ Bitcoin: $95,000-99,000 | แนวต้าน: $107,000, $120,000

ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ (10-16 พฤศจิกายน 2025)

สัปดาห์นี้ตลาดการเงินจะเผชิญกับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่อาจกำหนดทิศทางในช่วงปลายปี:

อังคาร 11 พฤศจิกายน:

  • ข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ – Claimant Count Change, Unemployment Rate และ Average Earnings
  • German ZEW Economic Sentiment – วัดความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมัน
  • NFIB Small Business Index – ดัชนีธุรกิจขนาดเล็กสหรัฐฯ

พุธ 12 พฤศจิกายน:

  • คำแถลงของคณะกรรมการ FOMC หลายท่าน (Barr, Williams, Paulson, Waller, Bostic)
  • German Final CPI/WPI – ข้อมูลเงินเฟ้อเยอรมันฉบับสุดท้าย
  • Italian Industrial Production – การผลิตภาคอุตสาหกรรมอิตาลี
  • Eurogroup Meetings – ประชุมกลุ่มยูโรโซน

พฤหัสบดี 13 พฤศจิกายน (วันสำคัญที่สุด):

  • Employment Change และ Unemployment Rate ออสเตรเลีย – ตัวเลขการจ้างงานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20,300 ตำแหน่ง
  • GDP m/m และ Prelim GDP q/q ของอังกฤษ – เผยเศรษฐกิจไตรมาส 3
  • Core CPI และ CPI สหรัฐฯ – ข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญที่สุดของสัปดาห์ คาดที่ +0.3% m/m และ +0.2% Core
  • Unemployment Claims – การขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ

ศุกร์ 14 พฤศจิกายน:

  • Core PPI, PPI และ Core Retail Sales/Retail Sales สหรัฐฯ – ข้อมูลเงินเฟ้อผู้ผลิตและยอดค้าปลีก
  • ข้อมูลเศรษฐกิจจีนชุดใหญ่: New Home Prices, Fixed Asset Investment, Industrial Production, Retail Sales, Unemployment Rate
  • Crude Oil Inventories – สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ

อาทิตย์ 16 พฤศจิกายน:

  • การประชุม G20 – อาจมีการหารือเรื่องนโยบายการค้าและเศรษฐกิจโลก

ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา:

  • การปิดรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อ – อาจส่งผลให้ข้อมูลบางตัวไม่สามารถเผยแพร่ได้
  • ความตึงเครียดการค้าสหรัฐ-จีน – นโยบายภาษีศุลกากรของ Trump
  • นโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลัก – ความไม่แน่นอนในทิศทางนโยบายการเงิน

ประเด็นเศรษฐกิจที่น่าสนใจ

Federal Reserve ลดดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในปี 2025

เฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 3.75%-4.00% ในการประชุมเมื่อวันที่ 28-29 ตุลาคม เป็นการลดครั้งที่สองต่อเนื่องจากเดือนกันยายน ประธาน Jerome Powell ระบุว่าการลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมยังไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดการณ์โอกาส 67% ที่จะลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 10 ธันวาคม

การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสัญญาณชะลอตัวของตลาดแรงงาน โดย Congressional Budget Office ประเมินว่าการปิดรัฐบาลส่งผลให้สูญเสียงานไป 9,100 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม และอัตราการว่างงานอาจเพิ่มขึ้น นโยบายดอกเบี้ยที่ผ่อนคลายนี้เป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นและทองคำ แต่อาจสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์

การปิดรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

การปิดของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไปเป็นสัปดาห์ที่ 6 (นับตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2025) Congressional Budget Office ประเมินว่าอาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจมูลค่า 11,000-14,000 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะลด GDP ไตรมาส 4 ลง 1-2%

การปิดรัฐบาลส่งผลให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ เช่น รายงาน Non-Farm Payrolls (NFP) เดือนตุลาคม ไม่สามารถเผยแพร่ได้ตามกำหนด สร้างความไม่แน่นอนต่อการตัดสินใจนโยบายการเงินของเฟด นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของหน่วยงานราชการและบริการสาธารณะ ซึ่งอาจลดความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการลงทุนภาคเอกชน

ธนาคารกลางหลักปรับนโยบายการเงิน

สัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารกลางหลักทั่วโลกมีการตัดสินใจนโยบายที่สำคัญ:

  • Bank of England (BoE): คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4% ด้วยคะแนนเสียง 5-4 มีกรรมการ 4 คนลงคะแนนให้ลดดอกเบี้ย ผู้ว่าการ Andrew Bailey ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษได้ถึงจุดสูงสุดแล้ว และคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม อัตราเงินเฟ้อ CPI อยู่ที่ 3.8% ในเดือนกันยายน สูงกว่าเป้าหมาย 2%
  • Reserve Bank of Australia (RBA): คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.60% เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน หลังข้อมูลอัตราเงินเฟ้อไตรมาส 3 สูงกว่าคาด ผู้ว่าการ Michele Bullock ระบุว่าคณะกรรมการไม่ได้พิจารณาการลดหรือเพิ่มดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อแกนกลางอยู่ที่ 3.2% และคาดว่าจะอยู่นอกกรอบเป้าหมาย 2-3% จนถึงกลางปี 2026
  • European Central Bank (ECB): คงอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน โดยอัตราเงินเฟ้อยังคงใกล้เคียงเป้าหมาย 2% และเศรษฐกิจโซนยูโรยังคงเติบโตแม้เผชิญสภาพแวดล้อมโลกที่ท้าทาย

ข้อมูลเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว

อัตราเงินเฟ้อ CPI ของจีนในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบปีต่อปี เป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน หลังจากที่ติดลบ -0.3% ในเดือนกันยายน ขณะที่ Core CPI เพิ่มขึ้น 1.2% เป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2024

การฟื้นตัวของเงินเฟ้อจีนเป็นสัญญาณบวกต่ออุปสงค์ภายในประเทศ อย่างไรก็ตามตลาดยังคงจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากรัฐบาลจีน โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงเผชิญปัญหา ความสามารถในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลโดยตรงต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันดิบและโลหะพื้นฐาน

นโยบายภาษีศุลกากรของ Trump ยังคงสร้างความกังวล

นโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดี Trump ยังคงสร้างความกังวลต่อตลาด โดย Tax Foundation ประเมินว่าภาษีศุลกากรเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1,300 เหรียญต่อครัวเรือนในปี 2025 ศาลฎีกาสหรัฐฯ กำลังพิจารณาคดีที่อาจทำให้ภาษีศุลกากรบางส่วนไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ความตึงเครียดการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อห่วงโซ่อุปทานและเสถียรภาพราคา การคลี่คลายความตึงเครียดจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ แต่อาจสร้างแรงกดดันต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

หมายเหตุ: บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและประเมินความเสี่ยงด้วยตนเองก่อนตัดสินใจลงทุน

Nvidia โกยราย...

ทองคำฟื้นตัวจ...

Big Tech ร่วง...

ตลาดโลกสัปดาห...

Market Insights​

พฤศจิกายน 20, 2025

Nvidia โกย...

ปัจจัยพื้นฐาน หุ้น Nvidia...

Market Insights​

พฤศจิกายน 19, 2025

ทองคำฟื้นต...

ปัจจัยพื้นฐาน ราคาทองคำ S...

Market Insights​

พฤศจิกายน 18, 2025

Big Tech ร...

1️⃣ ภาพรวม ตลาดการเงินโลก...

Market Insights​

พฤศจิกายน 17, 2025

ตลาดโลกสัป...

สรุปภาวะตลาด CFD ในรอบสัป...

Live account Registration

ให้คำปรึกษาการซื้อขาย 1 ชั่วโมง

This site is registered on wpml.org as a development site. Switch to a production site key to remove this banner.