📊 ภาพรวม
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2025 คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% (25 basis points) เป็นครั้งที่สองติดต่อกัน ทำให้ Federal Funds Rate ปรับลงมาอยู่ที่ระดับ 3.75%-4.00% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจครั้งนี้มีคะแนนเสียงแตกแยกที่ 10-2 โดย Stephen Miran สนับสนุนให้ลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นที่ 0.50% ในขณะที่ Jeffrey Schmid ของ Kansas City Fed เห็นว่าควรคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ซึ่งสะท้อนถึงความแตกต่างของมุมมองในคณะกรรมการ
จุดเปลี่ยนสำคัญ เกิดขึ้นในงานแถลงข่าว เมื่อประธาน Jerome Powell ส่งสัญญาณชัดเจนว่า “การลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมยังไม่แน่นอน ไกลจากที่จะเป็นเรื่องที่ตัดสินใจแล้ว” คำกล่าวดังกล่าวทำให้ตลาดเกิดความผันผวนทันที โดยความน่าจะเป็นของการลดดอกเบี้ยในธันวาคมร่วงลงจาก 90% เหลือเพียง 67%
นอกจากนี้ Fed ยังประกาศยุติโครงการ Quantitative Tightening (QT) ในวันที่ 1 ธันวาคม 2025 หลังจากที่ลดพอร์ตพันธบัตรลงไปแล้วกว่า 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ จากจุดสูงสุดที่ 9 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2022 ปัจจุบันเหลือประมาณ 6.6 ล้านล้านดอลลาร์
ปัจจัยกดดันเพิ่มเติม มาจากการปิดงานของรัฐบาลสหรัฐที่ยืดเยื้อเข้าสัปดาห์ที่ 4 ทำให้ Fed ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ตัวเลขการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้การตัดสินใจนโยบายการเงินในอนาคตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ขณะที่ภาษีนำเข้าของ Trump ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า
🎯 ผลกระทบต่อตลาดการเงิน
💵 Forex (ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา)
- EUR/USD: ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.16-1.17 จากแรงกดดันของดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลัง Fed ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบาย แม้ ECB จะรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.00% แต่อัตราเงินเฟ้อของยุโรปที่อยู่ใกล้เป้าหมาย 2.2% ทำให้เงินยูโรได้แรงหนุน
- GBP/USD: แกว่งตัวในกรอบ 1.32-1.34 โดยได้แรงสนับสนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนตัว แต่ยังมีแรงกดดันจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อในอังกฤษและการขาดความชัดเจนด้านการคลัง นักลงทุนจับตาการประกาศงบประมาณของรัฐบาลในวันที่ 26 พฤศจิกายน
- USD/JPY: พุ่งขึ้นสู่ระดับ 150-151 หลังจากที่ Bank of Japan (BoJ) ยังคงแนวทางระมัดระวัง โดยคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.50% ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นยังคงกว้างมาก ทำให้เยนอ่อนค่าต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม หากทะลุระดับ 155 ความเสี่ยงของการเข้าแทรกแซงตลาดจาก BoJ จะสูงขึ้นอย่างมาก
- DXY (US Dollar Index): อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 98-99 หลังจากที่ Powell ส่งสัญญาณว่า Fed อาจหยุดลดดอกเบี้ยชั่วคราว แต่แนวโน้มโดยรวมของดอลลาร์ยังคงอ่อนตัวในระยะกลาง เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในปี 2026
🏆 XAUUSD (ทองคำ)
- ราคาทองคำแกว่งตัวอย่างรุนแรงหลังจากทำจุดสูงสุดประวัติศาสตร์ใหม่ที่ $4,381 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2025 ปัจจุบันปรับลงมาอยู่ที่ระดับ $3,930-3,970 ต่อออนซ์
- แรงหนุน: นโยบาย Dovish ของ Fed, ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์, การปิดงานของรัฐบาลสหรัฐ และการที่ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงสะสมทองคำอย่างต่อเนื่อง (โดยเฉพาะจีน อินเดีย และเยอรมนี)
- แรงกดดัน: การที่ Powell ส่งสัญญาณหยุดลดดอกเบี้ยในธันวาคมทำให้ Real Yield ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนทำกำไรหลังจากทองคำขึ้นมากว่า 43% ในรอบปี
- แนวโน้ม: ทองคำยังคงมีแนวโน้มขึ้นในระยะยาว โดยมีแนวรับสำคัญที่ $3,850-3,900 และแนวต้านที่ $4,080-4,125 หาก Fed กลับมาลดดอกเบี้ยต่อ ทองคำมีโอกาสทดสอบระดับ $4,250-4,500 ได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี
📈 US Indices (ดัชนีหุ้นสหรัฐ)
- S&P 500: ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 6,920 ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 6,890-6,910 (+21% YoY) แม้จะมีความผันผวนหลังคำแถลงของ Powell แต่หุ้นเทคโนโลยียังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก โดย AI และ Cloud Computing เป็นธีมสำคัญ
- Dow Jones: ปรับตัวขึ้นมาที่ 47,700-47,870 (+0.34%) โดย Blue-chip stocks ได้แรงหนุนจากความหวังว่าเศรษฐกิจจะไม่ชะลอตัวรุนแรง
- NASDAQ: พุ่งขึ้นแรงที่สุดที่ 23,830-23,950 (+0.80%) นำโดย Nvidia ที่ทำจุดสูงสุดใหม่หลังประกาศความร่วมมือกับ Nokia มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ และ AI Chip Demand ที่เพิ่มสูงขึ้น
- ปัจจัยเสี่ยง: การประกาศผลประกอบการของ “Magnificent Seven” (Apple, Microsoft, Amazon, Alphabet, Meta, Tesla, Nvidia) ในสัปดาห์นี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดในระยะสั้น หากผลประกอบการไม่เป็นไปตามคาด อาจเกิด Profit-taking อย่างรุนแรง
- แนวโน้ม: ตราบใดที่ดัชนียังรักษาระดับเหนือ 6,850 (S&P 500) แนวโน้มยังคงเป็นขาขึ้น เป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 7,000-7,100 แต่หาก Valuation สูงเกินไปอาจเกิด Correction 5-7% ได้
🛢️ US Oil (น้ำมันดิบ WTI)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ยังคงอ่อนตัวต่อเนื่องที่ $59.80-60.20 ต่อบาร์เรล (-13.20% YoY) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2025
- แรงกดดัน: อุปทานล้นตลาดจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้งใน OPEC+ และสหรัฐ, ความต้องการที่ชะลอตัวจากจีน, ความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการเติบโตของพลังงานหมุนเวียน
- OPEC+ Strategy: การที่ OPEC+ เริ่มผ่อนคลายการปรับลดกำลังการผลิต (Unwinding Production Cuts) ส่งผลให้อุปทานในตลาดเพิ่มขึ้น แต่ยังคุมไม่ให้ราคาตกต่ำเกินไป
- แนวโน้ม: EIA คาดการณ์ว่าราคา Brent Crude จะปรับลงมาที่ $62/barrel ในไตรมาส 4/2025 และอาจลงต่อไปที่ $52/barrel ในปี 2026 หากไม่มีการตัดกำลังการผลิตเพิ่มเติมจาก OPEC+
- แนวรับสำคัญ: $58-60 หากทะลุลงมาต่ำกว่า $55 อาจเกิดแรงขายต่อเนื่องสู่ระดับ $50
₿ Cryptocurrencies (คริปโตเคอเรนซี)
- Bitcoin (BTC): แกว่งตัวอย่างรุนแรงหลังการประกาศของ Fed โดยพุ่งขึ้นทดสอบ $112,000 ก่อนร่วงกลับมาที่ $110,000 ปัจจุบันเทรดในกรอบ $110K-115K Bitcoin Dominance อยู่ที่ 59.3% สะท้อนถึงความแข็งแกร่งเหนือ Altcoins
- Ethereum (ETH): ปรับตัวลง 3% มาที่ $3,890-4,060 หลังจากที่ ETF Inflow เริ่มชะลอตัว อย่างไรก็ตาม การไหลเข้าของเงินสถาบันรวม $2.46 พันล้านดอลลาร์ ยังคงเป็นสัญญาณบวก และ Stablecoin Transfer Volume บน Ethereum ทำ ATH ที่ $1.41 ล้านล้านดอลลาร์ ในเดือนตุลาคม
- Market Sentiment: การลดดอกเบี้ยของ Fed โดยปกติจะเป็นปัจจัยบวกต่อ Risk Assets อย่าง Crypto แต่คำกล่าวของ Powell ที่ไม่ชัดเจนเรื่องธันวาคมทำให้ตลาดเกิด Profit-taking ในระยะสั้น
- แนวโน้ม: นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า Bitcoin จะพุ่งทะลุ $126,000 (ATH เดิม) และไปที่ $140,000-150,000 ได้ในไตรมาส 4/2025 หาก Fed กลับมาลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ส่วน Ethereum อาจทดสอบระดับ $5,000-5,500 โดยได้แรงหนุนจาก ETF Inflow และ DeFi Activity
- ปัจจัยเสี่ยง: การที่รัฐบาลสหรัฐปิดทำการยืดเยื้อและความไม่แน่นอนของนโยบาย Regulation อาจสร้าง Volatility ในระยะสั้น
💡 บทสรุป
การตัดดอกเบี้ยของ Fed ในครั้งนี้เป็นสัญญาณ Dovish ที่ชัดเจน แต่คำเตือนของ Powell เกี่ยวกับเดือนธันวาคมทำให้ตลาดต้องปรับตัวรับมือกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น สำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุน สิ่งสำคัญคือต้อง จับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่จะออกมาในช่วงปลายปี โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงาน อัตราเงินเฟ้อ และ GDP
กลยุทธ์แนะนำ:
- Forex: ดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าในระยะกลาง แนะนำ Long EUR/USD และ GBP/USD ในจังหวะที่ตลาดปรับฐาน
- ทองคำ: ยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แนะนำ Buy on Dip ที่ระดับ $3,850-3,900
- หุ้นสหรัฐ: รอดูผลประกอบการ Tech Giants ก่อนตัดสินใจ Rebalance Portfolio
- น้ำมัน: แนวโน้มขาลง ควรระมัดระวังการ Long
- Crypto: ผันผวนสูง แต่ยังมี Upside Potential หาก Fed ยืนยันลดดอกเบี้ยต่อ
ข้อควรระวัง: ความเสี่ยงจากการปิดงานของรัฐบาลสหรัฐ นโยบายภาษีของ Trump และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) และการกระจายพอร์ตการลงทุน (Diversification) เป็นสิ่งสำคัญในช่วงเวลานี้
สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ทันสมัย Taurex มอบประสบการณ์การเทรดที่ปลอดภัย โปร่งใส พร้อมสเปรดต่ำและเลเวอเรจสูงสุด 1:2000 รองรับการเทรดทุกสินทรัพย์ในบทวิเคราะห์นี้ ทั้ง Forex, Gold, US Indices, Oil และ Cryptocurrencies
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน