เฟดยังไม่การันตีลดดอกเบี้ย ส่งผลอย่างไรต่อทอง หุ้น และค่าเงินโลก?

ภาพรวมตลาด 

ตลาดการเงินโลกในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2025 เข้าสู่โหมด “Selective Risk-On” หรือการเลือกเสี่ยงแบบระมัดระวัง หลังจากหุ้นสหรัฐดีดตัวกลับอย่างแข็งแกร่งในคืนที่ผ่านมา โดย S&P 500 ปิดที่ 6,705.12 จุด (+1.55%) ขณะที่ Nasdaq Composite พุ่งขึ้นถึง 2.69% ปิดที่ 22,872.01 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายวันที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 

อย่างไรก็ตาม ภาพใหญ่ของตลาดยังคงอยู่ในช่วง “เปลี่ยนผ่านนโยบายการเงิน” ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ในช่วง 4.00-4.25% แล้ว แต่เจ้าหน้าที่เฟดยังคงส่งสัญญาณชัดเจนว่า “ยังไม่การันตี” การลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในเดือนธันวาคม โดยต้องรอดูข้อมูลเงินเฟ้อและตัวเลขเศรษฐกิจชุดใหม่ก่อนตัดสินใจ 

ความไม่แน่นอนดังกล่าวทำให้การรีบาวด์ของตลาดหุ้นในรอบนี้ยังคงเป็นเพียง “Technical Rebound ในเทรนด์เดือนขาลง” มากกว่าการกลับตัวครั้งใหญ่ เนื่องจากทั้งเดือนพฤศจิกายน S&P 500 ยังคงติดลบราว 2% และ Nasdaq ติดลบกว่า 3.6% สะท้อนว่านักลงทุนยังคงระมัดระวังและเน้นเทรดระยะสั้นมากกว่าการถือครองระยะยาว 

ผลกระทบต่อตลาด 

📈 ดัชนีหุ้นสหรัฐ (US Indices) 

• S&P 500 ปิดที่ 6,705.12 จุด (+1.55%) และ Dow Jones ปิดที่ 46,448.27 จุด (+0.44%) ขณะที่ Nasdaq พุ่งขึ้น 2.69% สู่ระดับ 22,872.01 จุด 

• การรีบาวด์ได้รับแรงหนุนจากหุ้น Alphabet (Google) ที่ปรับตัวขึ้น 6.3% หลังเปิดตัว AI Model ใหม่ “Gemini 3” สร้างความเชื่อมั่นในการแข่งขันด้าน AI 

• อย่างไรก็ตาม VIX ยังคงทรงตัวในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว บ่งชี้ว่าตลาดยังคาดการณ์ความผันผวนต่อเนื่อง 

• กลุ่มหุ้นเทคโนโลยี/AI ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของ Sentiment แต่ถูกกดดันจากความกังวลเรื่อง Valuation ที่สูงเกินไป 

• มุมมองการเทรด: เหมาะกับการเทรดตามข่าวดอกเบี้ย-เงินเฟ้อแบบ Swing สั้น การเทรดผ่าน CFD ดัชนี (US100, US500) ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดีกว่าโฟกัสหุ้นเทครายตัว 

🥇 ทองคำ (XAUUSD) 

• ราคาทองคำซื้อขายอยู่ในกรอบ $4,068 – $4,125 ต่อออนซ์ ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ATH: $4,379 เมื่อ 17 ต.ค.) ปรับตัวขึ้นกว่า 55% เมื่อเทียบ YoY 

• ทองคำอยู่ในโหมด “Consolidation” หรือพักฐานสะสมพลัง หลังทำ All-Time High ในเดือนตุลาคม 

• ปัจจัยหนุน: ความคาดหวังว่าเฟดจะเข้าสู่โหมดลดดอกเบี้ยในปีหน้า + ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ + ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก 

• ปัจจัยกดดัน: ช่วงที่ Sentiment หุ้นสหรัฐรีบาวด์แรง มักทำให้แรงซื้อทองชะลอและเกิดการย่อตัวสั้นๆ 

• มุมมองการเทรด: ทองยังคงเป็น “สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงพอร์ต” ควบคู่การเก็งกำไรระยะสั้น โฟกัสจังหวะข่าวสหรัฐ (เงินเฟ้อ/ยอดขายปลีก/ถ้อยแถลงเฟด) เป็นหลัก 

💱 ตลาด Forex 

ดอลลาร์สหรัฐ (USD) 

• ดอลลาร์ได้แรงหนุนจากคำพูดของประธานเฟดที่ส่งสัญญาณว่า “ยังไม่รับรอง” การลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ทำให้กระแส “ดอกลงแรง-ดอลลาร์อ่อนยาว” ถูกชะลอออกไป 

• USD ยังคงเคลื่อนไหวในโหมด Sideways ในกรอบ มากกว่าเทรนด์เดียวชัดเจน 

EURUSD 

• ซื้อขายที่ระดับ 1.1541 (+0.18%) 

• ยูโรถูกกดดันจากภาคการผลิตและการส่งออกเยอรมนี-ฝรั่งเศสที่ยังอ่อนแอ ขณะที่ ECB คงดอกเบี้ยบริเวณ 2% 

• คู่เงินนี้ถูกขับเคลื่อนด้วย ดอลลาร์เป็นหลัก มากกว่าปัจจัยฝั่งยุโรป 

GBPUSD 

• ซื้อขายที่ระดับ 1.3099 (+0.01%) 

• ตลาดจับตา Autumn Budget วันที่ 26 พ.ย. ซึ่งจะกำหนดภาพการคลัง-ภาษีของอังกฤษในระยะกลาง 

• หากรัฐบาลเลือกทาง “ขึ้นภาษีเพื่ออุดช่องว่างงบประมาณ” โดยไม่มีแผนกระตุ้นการเติบโตที่ชัดเจน อาจเป็นลบต่อปอนด์ระยะกลาง 

USDJPY 

• ซื้อขายที่ระดับ 156.85 – 157.00 (+0.40%) ทำจุดสูงสุดใหม่ย้อนหลังไปถึงเดือนมกราคม 2025 

• เยนยังคงอ่อนค่าในเชิงโครงสร้างจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่สูงกับสหรัฐ และญี่ปุ่นยังใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำมาก 

• มุมมองการเทรด: พื้นฐานยังหนุน Carry Trade ฝั่ง Sell JPY แต่ต้องระวังข่าวแทรกแซงและ Risk-off แรงๆ 

🛢️ น้ำมันดิบสหรัฐ (US Oil – WTI) 

• WTI Crude ซื้อขายที่ระดับ $57.85 – $58.85 ต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลง 18.50% เมื่อเทียบ YoY 

• Brent Crude อยู่ที่ระดับประมาณ $62.20 ต่อบาร์เรล ลดลงราว 3% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา 

• ปัจจัยกดดัน: อุปทานน้ำมันในปี 2025 มีแนวโน้มเพียงพอ + ความต้องการจากจีนไม่แข็งแกร่ง + สต็อกน้ำมันสหรัฐที่สูงขึ้น + ความหวังการเจรจาสันติภาพยูเครน-รัสเซีย 

• มุมมองการเทรด: น้ำมันอยู่ในฐานะ “เทรดตามข่าวซัพพลาย-โอเปก+ และตัวเลขสต็อก” มากกว่าเป็นธีมลงทุนระยะยาว 

₿ คริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrencies) 

• Bitcoin ซื้อขายที่ระดับ $88,000 – $89,000 ปรับตัวลดลงราว 30% จาก All-Time High ที่ $126,080 

• การปรับฐานแรงในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นการ “ระบายเลเวอเรจ + ขายทำกำไร” มากกว่าการเปลี่ยนเทรนด์ขาลงถาวร 

• ปริมาณบังคับขาย (Liquidation) ลดลง และเงินไหลเข้า ETF อย่างค่อยเป็นค่อยไป บ่งชี้ว่าตลาดกำลังเข้าสู่เฟส “ย่อยข่าวและสะสมพลัง” 

• Bitcoin ETF มีปริมาณการซื้อขายทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $40.32 พันล้านในสัปดาห์ที่ผ่านมา 

• ปัจจัยที่ต้องจับตา: เส้นทางดอกเบี้ยเฟดและดัชนีดอลลาร์ เนื่องจากรอบที่ USD แข็งแรงมากมักกดดันคริปโตและทองพร้อมกัน 

• มุมมองการเทรด: รอบขาขึ้นคริปโตครั้งนี้จะเป็น “ขั้นบันได” มากกว่า “พุ่งรวดเดียว” เนื่องจากสภาพคล่องไม่กลับมาเร็วแบบปี 2020-2021 

บทสรุป 

ภาพรวมตลาด CFD ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2025 ยังคงอยู่ในโหมด “เลือกเสี่ยงภายใต้ความไม่แน่นอนของเฟด” โดยมีประเด็นสำคัญที่เทรดเดอร์ควรจับตา ได้แก่: 

1. ทองคำและดอลลาร์ ยังคงเป็นแกนกลางของธีมมหภาค โดยทองได้ประโยชน์ในฐานะ Safe-Haven ขณะที่ดอลลาร์ยังไม่อ่อนยาวเพราะส่วนต่างดอกเบี้ยยังสูง
    

1. หุ้นเทคสหรัฐและคริปโต ยังสามารถเทรดได้ในเชิงเก็งกำไร แต่ต้องบริหาร Leverage และขนาด Position อย่างเคร่งครัดรอบข่าวสำคัญ
    

1. กลยุทธ์ที่เหมาะสม คือ Event-Driven Trading รอบตัวเลขสหรัฐและการสื่อสารของเฟด โดยเตรียมแผนก่อนประกาศตัวเลข กำหนดจุดเข้า-ออกชัดเจน และลดเลเวอเรจช่วงความผันผวนสูง
    

1. น้ำมันดิบ ยังคงถูกกดดันจากอุปทานเพียงพอและดีมานด์จีนที่ไม่แข็งแกร่ง เหมาะกับการเทรดตามข่าวซัพพลายมากกว่าการถือยาว
    

สำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ: สัปดาห์นี้ควรให้ความสำคัญกับการติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ (เงินเฟ้อ/GDP/Jobless Claims) และ Autumn Budget ของอังกฤษในวันที่ 26 พ.ย. ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดในระยะสั้น 

บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน