1. ภาพรวม
หลังจากการปิดรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์เป็นเวลา 41 วัน วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 60-40 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2025 ต่อข้อตกลงจัดสรรงบประมาณระยะสั้นที่จะเปิดรัฐบาลจนถึงเดือนมกราคม 2026 ซึ่งจะทำให้พนักงานรัฐบาลกว่า 750,000 คนได้รับเงินเดือนย้อนหลังและบริการภาครัฐกลับมาดำเนินการตามปกติ
ตลาดการเงินโลกตอบสนองในทางบวกต่อข่าวดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่ถูกระงับไว้จะกลับมาเผยแพร่อีกครั้ง ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนและ Federal Reserve มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจนโยบายการเงินได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ปิดรัฐบาลได้สร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งร่วงลงสู่ระดับ 50.3 จุด ต่ำสุดในรอบ 3.5 ปี จากการสำรวจของ University of Michigan
ด้านนโยบายการเงิน ตลาดคาดการณ์ว่า Fed มีโอกาสสูงถึง 65-67% ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม หลังจากข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนชี้ว่ามีการเลิกจ้างงานมากกว่า 150,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี นอกจากนี้ Fed ยังประกาศยุติโครงการ Quantitative Tightening (QT) ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงิน
2. ผลกระทบต่อตลาดการเงิน
🔹 ตลาด Forex
คู่เงิน EUR/USD:
- การเคลื่อนไหว: ซื้อขายในกรอบ 1.1550-1.1560 แสดงสัญญาณฟื้นตัวจากแรงกดดันในช่วงปิดรัฐบาล
- ปัจจัยหนุน: ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าหลังข่าวเปิดรัฐบาลและข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ เพิ่มโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ย
- ความแตกต่างนโยบาย: ECB คงดอกเบี้ยไว้เพื่อจัดการเงินเฝ้อในยูโรโซนที่ยังสูงกว่าเป้า ขณะที่ Fed อยู่ในรอบลดดอกเบี้ย สร้างแรงหนุนให้ยูโรแข็งค่า
- แนวโน้ม: หากเปิดรัฐบาลสำเร็จและข้อมูลเศรษฐกิจกลับมาเป็นปกติ คาดว่า EUR/USD จะมีโอกาสทดสอบแนวต้าน 1.1600-1.1650 ในระยะสั้น
คู่เงินหลักอื่นๆ:
- USD/JPY: แรงกดดันลดลงจากความคาดหวังที่ Fed จะผ่อนคลายนโยบาย ขณะที่ BoJ ยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง
- GBP/USD: ฟื้นตัวเหนือ 1.3200 แต่ยังคงแกว่งตัวรอข้อมูลเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ และการตัดสินใจดอกเบี้ยของ BoE
🔹 XAUUSD (ทองคำ)
การเคลื่อนไหวราคา:
- ราคาปัจจุบัน: ทองคำทะลุระดับ $4,070-$4,100 ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้นกว่า 2% ในวันที่มีข่าวเปิดรัฐบาล
- จุดแข็งหลัก: ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ได้รับความนิยม แม้จะมีข่าวดีจากการเปิดรัฐบาล
ปัจจัยหนุน:
- ดอลลาร์อ่อนค่า: DXY Index ลดลงสู่ระดับ 99.60 ช่วยลดต้นทุนในการถือครองทองคำสำหรับนักลงทุนสกุลเงินอื่น
- ความคาดหวัง Fed ลดดอกเบี้ย: โอกาส 65-67% ที่จะลดดอกเบี้ยในธันวาคม ลดต้นทุนโอกาสของการถือทองคำ
- ความไม่แน่นอนยังคงมี: แม้รัฐบาลจะเปิดแล้ว แต่ข้อตกลงระยะสั้นถึงมกราคม 2026 เท่านั้น ยังมีความเสี่ยงปิดรัฐบาลอีกครั้ง
แนวรับ-แนวต้าน:
- แนวต้าน: $4,100 | $4,135 | $4,252 (จุดสูงสุดก่อนหน้า)
- แนวรับ: $4,050 | $4,000 (แนวรับจิตวิทยา) | $3,880
🔹 US Indices (ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ)
ผลงาน:
- S&P 500: เพิ่มขึ้น 0.6% ในช่วง 40 วันที่ปิดรัฐบาล ทำนิวไฮติดต่อกัน 3 วัน
- Dow Jones Industrial Average: พุ่งขึ้น 1.2% หรือ 559 จุด บันทึกสถิติปิดสูงสุดครั้งที่ 16 ของปี
- Nasdaq Composite: ปรับตัวลง 0.3% จากการทำกำไรในกลุ่มเทคโนโลยี
กลุ่มหุ้นที่โดดเด่น:
- Healthcare: Merck +4.8%, Moderna +6.7%, Amgen +4.6% – ได้ประโยชน์จากการเปิดรัฐบาลที่จะทำให้สัญญาภาครัฐกลับมาดำเนินการ
- Energy & Materials: ฟื้นตัวตามราคาน้ำมันและความหวังว่าเศรษฐกิจจะกลับมาเติบโต
- Technology: Nvidia -3% จากการทำกำไร, Coreweave -16% จากการเลื่อนโครงการ
ประวัติศาสตร์: หุ้นมักปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 13% ใน 12 เดือนหลังจากปิดรัฐบาล ตามข้อมูลจาก Carson Group
🔹 US Oil (น้ำมันดิบ WTI)
ราคาและการเคลื่อนไหว:
- ราคาปัจจุบัน: $60.00-$60.85 ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.5-0.6% จากความหวังว่ารัฐบาลจะเปิด
- Brent Crude: ซื้อขายรอบ $63.89-$64.06 ต่อบาร์เรล
ปัจจัยสนับสนุน:
- อุปสงค์เพิ่มขึ้น: การเปิดรัฐบาลจะทำให้การเดินทางและการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงกลับมาปกติ หลังจากเที่ยวบินถูกยกเลิกกว่า 2,800 เที่ยวในวันที่เลวร้ายที่สุด
- การคว่ำบาตรรัสเซีย: สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรคว่ำบาตร Rosneft และ Lukoil ทำให้อินเดียและจีนหันไปหาแหล่งน้ำมันอื่น
ปัจจัยกดดัน:
- OPEC+ เพิ่มกำลังการผลิต: ประกาศเพิ่มเป้าผลิตในธันวาคม 137,000 บาร์เรลต่อวัน สร้างความกังวลอุปทานล้นตลาด
- กำลังการผลิตสหรัฐฯ: อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มแรงกดดันด้านอุปทาน
แนวรับ-แนวต้าน:
- แนวต้าน: $60.48 | $61.09 | $62.17
- แนวรับ: $59.41 | $59.17 | $58.86
🔹 Cryptocurrencies
Bitcoin (BTC):
- ราคา: พุ่งเหนือ $106,000 (+4%) หลังข่าวเปิดรัฐบาล
- การฟื้นตัว: กลับมาเหนือระดับ $100,000 หลังจากร่วงลงมาหลายครั้งในช่วงปิดรัฐบาล
- แนวโน้ม: นักวิเคราะห์คาดว่าหากโมเมนตัมแข็งแกร่ง อาจทดสอบ $110,000-$112,000 ในระยะสั้น
Ethereum (ETH):
- ราคา: ทะลุ $3,600 (+7%) สูงสุดในรอบเกือบ 1 สัปดาห์
- ปัจจัยหนุน: การพัฒนา Layer-2 ที่เร็วขึ้น และกฎระเบียบใหม่ที่อนุญาตให้ Crypto ETPs ทำ Staking ได้
Altcoins อื่นๆ:
- XRP: +6-12% จากการเพิ่ม 21,595 กระเป๋าใหม่ใน 48 ชั่วโมง และความคาดหวัง XRP ETF
- Solana: +6% ด้วยกระแสเงินเข้า ETF ติดต่อกัน 10 วันทำการ
ข้อสังเกต:
- Funding Rate เป็นลบ: แสดงว่าเทรดเดอร์ส่วนใหญ่เปิด Short Position รอดูสัญญาณจาก Fed ในธันวาคม
- สภาพคล่องยังบาง: นักลงทุนสถาบันรอสัญญาณนโยบายชัดเจนก่อนเพิ่มน้ำหนักลงทุน
- การอนุมัติ ETF: SEC จะกลับมาทำงานเต็มรูปแบบ อาจปลดล็อกการอนุมัติ Crypto ETF กว่า 90 รายการที่ค้างอยู่
3. บทสรุป
การสิ้นสุดของการปิดรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยาวนานถึง 41 วันนำมาซึ่งการฟื้นตัวอย่างกว้างขวางในตลาดการเงินโลก ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ทำสถิติใหม่ ทองคำทะลุ $4,100 และสกุลเงินดิจิทัลพุ่งขึ้นกว่า 4-7% สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่กลับมา อย่างไรก็ตาม การที่ข้อตกลงจัดสรรงบประมาณเป็นเพียงระยะสั้นถึงมกราคม 2026 ยังคงมีความเสี่ยงที่อาจเกิดวิกฤตซ้ำในอนาคต
สำหรับเทรดเดอร์ของ Taurex ควรติดตามปัจจัยสำคัญ 3 ประการในระยะข้างหน้า ได้แก่ (1) การตัดสินใจดอกเบี้ยของ Fed ในเดือนธันวาคม (2) ข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเผยแพร่หลังเปิดรัฐบาล โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงาน Non-Farm Payrolls และ CPI และ (3) ความก้าวหน้าในการเจรจางบประมาณระยะยาวของรัฐสภาสหรัฐฯ
ตลาด Intermarket แสดงความสัมพันธ์ที่น่าสนใจ โดยดอลลาร์อ่อนค่าหนุนทั้งทองคำและสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นและคริปโต ขณะเดียวกันน้ำมันดิบแกว่งตัวระหว่างความหวังด้านอุปสงค์และความกังวลด้านอุปทานล้นตลาด การกระจายพอร์ตผ่าน Taurex ที่มีสินทรัพย์หลากหลายกว่า 1,500 รายการจึงเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมในช่วงความผันผวนนี้
คำเตือน: บทความนี้เป็นการวิเคราะห์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและประเมินความเสี่ยงด้วยตนเองก่อนตัดสินใจ การเทรด CFD มีความเสี่ยงสูง โปรดลงทุนด้วยความระมัดระวัง