ปัจจัยพื้นฐาน
หุ้น Nvidia ยังคงรักษาความแข็งแกร่งด้านปัจจัยพื้นฐานอย่างน่าประทับใจ หลังจากประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2026 ที่เกินคาดการณ์ในทุกมิติ โดยสร้างรายได้ทะลุ 57.0 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 62 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบรายปี และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.30 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ กลุ่ม Data Center ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของบริษัทสามารถสร้างรายได้สถิติใหม่ที่ 51.2 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 66 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบรายปี ขับเคลื่อนโดยความต้องการชิป Blackwell ที่ล้นหลามจนขายหมดแล้วสำหรับทั้งปีหน้า โดย Jensen Huang ซีอีโอได้ยืนยันว่าชิป GB300 คิดเป็นสองในสามของรายได้จาก Blackwell และบริษัทมองเห็นรายได้ครึ่งล้านล้านดอลลาร์จากชิป Blackwell และ Rubin ตั้งแต่ต้นปี 2025 ถึงสิ้นปี 2026 นอกจากนี้การขยายตัวของโครงการ Sovereign AI ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ โดยมีข้อตกลงใหญ่กับซาอุดีอาระเบียสำหรับ GPU จำนวน 400,000-600,000 ชิป ความร่วมมือกับ Anthropic, OpenAI และเกาหลีใต้ ช่วยกระจายฐานลูกค้าและลดการพึ่งพิง Hyperscaler อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่ต้องจับตามองคือการสูญเสียตลาดจีนอย่างสมบูรณ์เนื่องจากข้อจำกัดการส่งออก ซึ่งส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดในจีนลดลงจาก 95 เปอร์เซ็นต์เป็นศูนย์ และรายได้จากจีนลดลง 24.5 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 2.77 พันล้านดอลลาร์ ประกอบกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจาก AMD และการพัฒนาชิป AI แบบ Custom ของ Hyperscaler การประเมินมูลค่าที่อยู่ในระดับสูงด้วย P/E Ratio ประมาณ 51-53 เท่า จึงต้องการการเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนราคาหุ้น ทั้งนี้นักวิเคราะห์ 91 เปอร์เซ็นต์ยังคงให้คำแนะนำซื้อ โดยตั้งราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 208.76 ดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ศักยภาพในการปรับขึ้นประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์จากระดับปัจจุบัน
การวิเคราะห์กราฟ Multi Time Frame
การวิเคราะห์ทางเทคนิคในหลาย Time Frame แสดงให้เห็นภาพที่น่าสนใจของการเคลื่อนไหวราคา Nvidia โดยราคาปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 186.78 ดอลลาร์ ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงการปรับฐานหลังจากสร้างจุดสูงสุดที่ 211.03 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2025 โดยมีรายละเอียดในแต่ละ Time Frame ดังนี้
Daily (D1): กราฟรายวันแสดงแนวโน้มขาลงระยะสั้น โดยราคาปิดล่าสุดที่ 186.52 ดอลลาร์อยู่ต่ำกว่าเส้น SMA21 ที่ระดับ 192.77 ดอลลาร์ แต่ยังคงอยู่เหนือเส้น SMA50 ที่ 186.37 ดอลลาร์ ค่า RSI อยู่ที่ระดับ 45.08 บ่งชี้สภาวะ Neutral แนวเอียง Bearish ขณะที่ Stochastic อยู่ในโซน Oversold ด้วยค่า %K ที่ 29.86 และ %D ที่ 36.89 ส่วน MACD แสดงค่า -0.122 ยืนยัน Bearish Divergence ในระยะสั้น อย่างไรก็ตามการที่ราคายังคงอยู่เหนือเส้น SMA50, SMA100 และ SMA200 ยังสะท้อนแนวโน้มระยะกลางและระยะยาวที่เป็นขาขึ้น
4 Hours (H4): กราฟ 4 ชั่วโมงเริ่มแสดงสัญญาณการฟื้นตัว โดยราคาปัจจุบันอยู่เหนือเส้น SMA21 ที่ระดับ 184.92 ดอลลาร์ แม้จะยังคงอยู่ต่ำกว่าเส้น SMA50, SMA100 และ SMA200 ค่า RSI ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 56.68 แสดงสภาวะ Neutral แนวเอียง Bullish ขณะที่ MACD พลิกกลับเป็นบวกที่ 0.530 บ่งชี้ว่าเริ่มมี Bullish Momentum เกิดขึ้น Time Frame นี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญซึ่งแสดงถึงความพยายามของกลุ่มผู้ซื้อในการฟื้นฐานราคา
1 Hour (H1): กราฟรายชั่วโมงยืนยันแนวโน้มการฟื้นตัวระยะสั้น ด้วยค่า RSI ที่ 56.68 และ Stochastic ที่แสดงค่า %K อยู่ที่ 63.89 และ %D อยู่ที่ 60.98 บ่งชี้แรงซื้อที่เริ่มกลับมา MACD เริ่มแสดงสัญญาณ Bullish Momentum ที่ชัดเจนขึ้น Time Frame นี้สะท้อนให้เห็นการ Bounce จากแนวรับระยะสั้นได้สำเร็จ
30 Minutes (M30): กราฟ 30 นาทีแสดงความแข็งแกร่งของแรงซื้อระยะสั้นอย่างชัดเจน โดยค่า RSI เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 60.33 ซึ่งเข้าสู่โซน Bullish ขณะที่ Stochastic แสดงค่า %K ที่ 63.50 และ %D ที่ 53.16 บ่งชี้แรงซื้อที่เพิ่มขึ้น MACD แสดงค่าบวกที่ 0.320 พร้อม Bullish Crossover ยืนยันโมเมนตัมขาขึ้นในระยะสั้น
15 Minutes (M15): กราฟ 15 นาทียืนยันแรงซื้อที่แข็งแกร่ง โดยค่า RSI พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 66.35 แสดงสภาวะ Bullish ที่ชัดเจน Stochastic อยู่ในโซน Overbought ด้วยค่า %K ที่ 83.99 และ %D ที่ 78.54 แต่ยังคงมีความแข็งแกร่ง MACD แสดงค่า 0.178 พร้อม Bullish Momentum ที่ต่อเนื่อง
5 Minutes (M5): กราฟ 5 นาทีแสดงความต่อเนื่องของแรงซื้อ โดยค่า RSI อยู่ที่ระดับ 61.49 ในสภาวะ Bullish ขณะที่ MACD แสดงค่าบวกที่ 0.029 บ่งชี้ Bullish Momentum ยังคงดำเนินต่อไป
การวิเคราะห์ Multi Time Frame แสดงให้เห็น Divergence ที่น่าสนใจ โดย Time Frame ระยะยาว (Daily) ยังคงแสดงแนวโน้มการปรับฐาน ในขณะที่ Time Frame ระยะสั้นทั้งหมด (H4, H1, M30, M15, M5) เริ่มแสดงสัญญาณการฟื้นตัวและกลับตัวเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน สิ่งนี้บ่งชี้ว่ากลุ่มผู้ซื้อเริ่มกลับเข้ามารับสินค้าบนแนวรับสำคัญ และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการ Bounce ระยะสั้นถึงระยะกลาง
แนวรับและแนวต้าน
จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคนิคจากทุก Time Frame สามารถกำหนดแนวรับและแนวต้านที่สำคัญของหุ้น Nvidia ได้ดังนี้
แนวต้าน 3 ระดับ
แนวต้านที่ 1: 190.00-192.00 ดอลลาร์ เป็นแนวต้านระยะสั้นที่มีนัยสำคัญ โดยบริเวณนี้เป็นตำแหน่งของเส้น SMA21 บนกราฟ Daily ที่ระดับ 192.77 ดอลลาร์ และยังเป็นแนวจิตวิทยาสำคัญที่ระดับ 190.00 ดอลลาร์ นอกจากนี้ยังเป็นบริเวณที่เส้น SMA50 บนกราฟ H4 วิ่งผ่าน หากราคาสามารถทะลุแนวต้านนี้ได้จะเปิดโอกาสให้ราคาปรับตัวขึ้นต่อไปยังแนวต้านถัดไป
แนวต้านที่ 2: 195.00-197.00 ดอลลาร์ เป็นแนวต้านระยะกลางที่มีความสำคัญ บริเวณนี้เคยเป็นโซนที่ราคาพักตัวและมีการซื้อขายหนาแน่นในช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้ยังเป็นบริเวณที่เส้น SMA100 และ SMA200 บนกราฟ H4 อยู่ใกล้เคียงกัน การทะลุแนวต้านนี้จะเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลาง
แนวต้านที่ 3: 200.00-207.00 ดอลลาร์ เป็นแนวต้านสำคัญระยะยาวและเป็นโซนที่มีความท้าทายสูง บริเวณนี้ครอบคลุมระดับจิตวิทยาที่ 200.00 ดอลลาร์ และจุดสูงก่อนหน้าที่สำคัญหลายจุดในช่วงปลายเดือนตุลาคม โดยเฉพาะบริเวณ 207.04 ดอลลาร์ที่เคยเป็นแนวต้านแข็งแกร่ง หากราคาสามารถทะลุแนวนี้ได้จะเปิดโอกาสให้ราคาพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 211.03 ดอลลาร์หรือสูงกว่า
แนวรับ 3 ระดับ
แนวรับที่ 1: 184.00-186.00 ดอลลาร์ เป็นแนวรับระยะสั้นที่มีความสำคัญในปัจจุบัน โดยบริเวณนี้เป็นตำแหน่งของเส้น SMA21 บนกราฟ H4 ที่ระดับ 184.92 ดอลลาร์ และยังเป็นโซนที่ราคาได้รับการซัพพอร์ตจากกลุ่มผู้ซื้อในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา การที่ราคา Bounce จากแนวรับนี้สำเร็จแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแนวรับและความสนใจของนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อในระดับราคานี้
แนวรับที่ 2: 180.00-183.00 ดอลลาร์ เป็นแนวรับสำคัญระยะกลางที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด บริเวณนี้เคยเป็นจุดต่ำสุดในช่วงวันที่ 15-17 ตุลาคม 2025 โดยราคาต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 179.83 ดอลลาร์ และยังเป็นโซนที่มีการซื้อขายหนาแน่นในอดีต หากราคาปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับนี้และสามารถรักษาระดับได้ จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการสะสมหุ้นในระยะกลาง
แนวรับที่ 3: 177.00-179.00 ดอลลาร์ เป็นแนวรับแข็งแกร่งระยะยาวที่มีความสำคัญมาก บริเวณนี้อยู่ใกล้เคียงกับเส้น SMA50 บนกราฟ Daily ที่ระดับ 179.80 ดอลลาร์ และยังเป็นจุดต่ำสุดที่เคยทดสอบมาแล้วในช่วงกลางเดือนตุลาคม หากราคาหลุดลงมาต่ำกว่าแนวนี้อย่างมีนัยสำคัญ จะเป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มระยะกลางอาจเปลี่ยนแปลงเป็นขาลง ดังนั้นแนวรับนี้จึงเป็นเส้นป้องกันสุดท้ายที่สำคัญ
โซนสำคัญ (Critical Zone): 183.00-190.00 ดอลลาร์
โซนนี้เป็นบริเวณที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดทิศทางของราคาในระยะข้างหน้า เนื่องจากเป็นโซนที่ราคากำลังแกว่งตัวอยู่ในปัจจุบันและมีแนวรับแนวต้านหลายเส้นสำคัญอยู่ในบริเวณนี้ หากราคาสามารถทะลุขึ้นไปเหนือโซนนี้ได้ โดยเฉพาะเหนือระดับ 190.00 ดอลลาร์ จะเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้นถึงระยะกลาง และอาจเปิดโอกาสให้ราคาวิ่งต่อไปยังแนวต้าน 195.00-200.00 ดอลลาร์ ในทางกลับกัน หากราคาหลุดลงมาต่ำกว่า 183.00 ดอลลาร์อย่างมีนัยสำคัญ อาจส่งสัญญาณว่าแรงขายยังคงมีอำนาจเหนือกว่าและราคาอาจปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ระดับ 180.00 ดอลลาร์ การเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของราคาภายในโซนนี้พร้อมทั้งปริมาณการซื้อขายและ Momentum จากตัวชี้วัดทางเทคนิคจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางแผนกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ